ครูพันธุ์ใหม่ดอทคอม www.krupunmai.com เว็ปไซต์ข่าวการศึกษา เผยแพร่ผลงานวิชาการสำหรับครู
“ธีระเกียรติ” แฉพบเด็กผี โผล่ ร.ร. ใน 2 จังหวัดภาคอีสาน “อุบลราชธานี-ร้อยเอ็ด” สั่งสะสางครั้งใหญ่ ชี้ ผอ.ร.ร. รายงานข้อมูลเท็จถือว่าผิดวินัย ผอ.เขตฯ ปูพรมตรวจสอบ ร.ร. ในพื้นที่ ขณะที่ “บุญรักษ์” ตั้ง คกก. ตรวจนับจำนวนเด็กทั้งส่วนกลางและใน ร.ร. ทุกแห่ง เช็กยอดที่ชัดเจนสกัดชื่อซ้ำซ้อน
วันนี้ (14 พ.ย.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า นายอัมพร พินะสา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้มารายงานว่าพบโรงเรียนในจังหวัดอุบลราชธานี และ จังหวัดร้อยเอ็ด มีการรายงานข้อมูลนักเรียนที่เป็นเท็จ โดยในจังหวัดอุบลราชธานี พบโรงเรียนแห่งหนึ่งนำรายชื่อนักเรียน ประมาณ 40 คน จากโรงเรียนที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 60 กิโลเมตร มาใส่ในโรงเรียนตนเอง ส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ก็พบรายชื่อเด็กผีในลักษณะคล้ายกัน ดังนั้น จึงสั่งให้มีการสะสางครั้งใหญ่ เช่นเดียวกับกรณีโครงการอาหารกลางวันนักเรียน ทั้งนี้ ได้กำชับผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. ไป ว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนที่รายงานข้อมูลเท็จ ถือว่าผิดวินัยร้ายแรงเช่นเดียวกับการทุจริต โดยขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ) ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวแล้ว
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวลือว่าผู้ที่อยากเลื่อนตำแหน่ง ทำข้อมูลเด็กผีขึ้นมาและจ่ายเงินผู้มีอำนาจในจังหวัดให้ดำเนินการ เลื่อนให้เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ขึ้นนั้น ทางฝ่ายสืบสวนยังไม่พบข้อมูล แต่เท่าที่ดูเรื่องผลประโยชน์ เงินเดือนผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดใหญ่กับโรงเรียนขนาดเล็กเท่ากัน จึงยังมองไม่เห็นมูลเหตุการณ์ทุจริต แต่ที่แน่ๆ พบแล้วว่า มีการให้ข้อมูลเท็จ ส่วนจะมากน้อยแค่ไหน ขณะนี้คาดว่ามีไม่มากนัก
“ผมอยากจะสื่อสารออกไปว่า ขณะนี้มีเรื่องปัญหาเด็กผีจริง คาดว่า มีในจำนวนที่ไม่มาก แต่ก็เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ผมได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกวาดล้างครั้งใหญ่ ชำระให้หมด ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ต้องลงไปสำรวจโรงเรียนทุกแห่ง ในส่วนของ ศธ. จะมีทีมสุ่มลงไปตรวจสอบด้วย ทั้งนี้ ผู้อำนวยการ สพท. จะต้องดูแลโรงเรียนในพื้นที่ของตัวเองไม่ให้มีเด็กผี ไม่ใช่ดูภาพรวมอย่างเดียว ซึ่งคนเป็น ผอ.โรงเรียน ทำงานด้านการศึกษาและจะมานั่งปั้นตัวเลขเด็กผีเพื่ออะไร ในส่วนของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ที่ผ่านมา เคยแก้ปัญหาไปแล้วรอบหนึ่ง แต่เที่ยวนี้ถ้ามีอีกก็ต้องโดน” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา สพฐ. ชี้แจงว่า หากเด็กหายไปโดยที่ไม่มาแจ้งลาออก ไม่สามารถคัดชื่อเด็กออกได้ นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า เป็นการให้เหตุผลที่ไม่ยืดหยุ่น เขาตีความว่า เด็กทุกคนต้องมีชื่ออยู่ในระบบการศึกษา เพราะฉะนั้นต้องไปออกแบบโปรแกรมตรวจสอบข้อมูลนักเรียน ที่สะท้อนความเป็นจริง ว่า เด็กไปอยู่ที่ไหน เงินก็ต้องไปอยู่ตรงนั้น ซึ่ง นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) รับปากแล้วว่า ถ้าเด็กยังไม่มีตัวจริง ก็ยังไม่ส่งเงินลงไป
ด้าน ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า จากการลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ หลังมีข่าวว่าพบเด็กผีเกือบ 70,000 คน ซึ่งผลการตรวจสอบไม่พบเด็กผี แต่สาเหตุมาจากการเออเรอร์ (ERROR) ของข้อมูลมากกว่า อย่างไรก็ตาม ปัญหาเด็กซ้ำซ้อนขณะนี้ สพฐ. จะมีการประชุมร่วมกับผู้แทนจากครูฝ่ายทะเบียนวัดผล หรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการดูแลตรวจนับจำนวนนักเรียน เข้ามาประชุมหารือร่วมกันถึงระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ การติดตาม ตรวจนับ และจำหน่ายนักเรียน ถือเป็นการชำระกฎหมายครั้งสำคัญ นอกจากนี้ สพฐ. จะตั้งคณะกรรมการตรวจนับ รับรองจำนวนนักเรียน จำนวน 2 ชุด โดยชุดที่ 1 เป็นคณะกรรมการตรวจนับฯ ของ สพฐ. และชุดที่ 2 คณะกรรมการตรวจนับฯของโรงเรียน ซึ่งทุกโรงเรียนจะต้องไปจัดตั้งขึ้นโดยมีคณะกรรมการสถานศึกษา เพื่อเป็นการตรวจสอบจำนวนนักเรียนที่ชัดเจน ถูกต้อง
“ต่อไปการรายงานจำนวนนักเรียนต้องรายงานตรงไปตรงมา โดยคณะกรรมการตรวจนับฯของโรงเรียน ทำหน้าที่ตรวจนับจำนวนนักเรียนในโรงเรียนตนโดยภาคเรียนที่ 1 ของปีการศึกษาจะนับวันที่ 10 มิ.ย. ภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษาจะนับวันที่ 11 พ.ย. จากนั้นจะมอบให้เขตพื้นที่การศึกษา ลงไปสุ่มตรวจติดตาม โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีจำนวนเด็กขึ้นลงผิดปกติ และสุ่มทั่วไป สำหรับคณะกรรมการตรวจนับ สพฐ. จะทำการสุ่มตรวจทุกจังหวัด เพื่อเป็นสัญญาณเตือนว่าการดำเนินการต้องตรงไปตรงมา โดยจะดำเนินการก่อนวันที่โรงเรียนดำเนินการ ถือเป็นการเช็กยอดจำนวนนักเรียนให้ครบถ้วน ไม่คลาดเคลื่อน และการโอนงบประมาณรายหัวของปีงบประมาณนั้นจะได้ถูกต้องตามข้อมูล” ดร.บุญรักษ์ กล่าว
ที่มา https://mgronline.com/qol/detail/9610000113755
