พริก เป็นพืชคู่ครัว ที่ทุก ๆ บ้าน ทุกภูมิภาคจะต้องมีไว้ติดครัว ด้วยรสชาติที่เผ็ด ยิ่งพริกเม็ดเล็ก ๆ ยิ่งเผ็ดมาก ซึ่งพริกนั้นมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์จะมีข้อดีและข้อเด่นที่ไม่เหมือนกันกัน ส่วนมากแล้วที่นิยมปลูกจะเป็น พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้าพริกหนุ่ม และพริกกะเหรี่ยง ซึ่งอย่างหลังนี้เป็นพริกที่ทนต่อโรคและสามารถหามาทานได้ตามธรรมชาติหรือตามท้องตลาด
ตัวอย่างพันธุ์พริกเช่น
๑. พันธุ์ห้วยสีทน เป็นพริกขี้หนูเม็ดใหญ่ ลักษณะประจำพันธุ์ของพริกพันธุ์ห้วยสีทน มีทรงต้นตั้งเป็นพุ่มรูปตัววี สูงประมาณ ๑ เมตร เมื่อเริ่มให้ผล (มีอายุหลังจากย้ายกล้าปลูกประมาณ ๑๐๐ วัน) และจะสูงขึ้นจนถึงประมาณ ๑๕๐-๑๖๐ เซนติเมตร เมื่อมีอายุตั้งแต่ ๕ เดือนขึ้นไป ทรงพุ่มกว้างประมาณ ๘๐ เซนติเมตร มีกิ่งที่แตกออกจากโคนต้นประมาณ ๓-๕ กิ่ง มองดูแล้วมีลักษณะคล้ายกับการแตกกอของข้าว
๒. พันธุ์หัวเรือ เป็นพันธุ์พริกขี้หนูเม็ดใหญ่อีกเช่นกัน ปุลูกมากในจังหวัด อุบลราชธานี มีคุณสมบัติของพริกพันธุ์นี้คือ ปลูกง่าย ให้ผลผลิตสูง มีกลิ่นหอม รสชาติชวนกิน รสเผ็ด ลักษณะผลชี้ขึ้น ทั้งยังเหมาะสำหรับทำพริกแห้ง
๓. พันธุ์บางช้าง มีผลขนาดใหญ่ ยาวเรียว ชี้ลงดิน ผิวขรุขระ ผลดิบมีสีเขียวอ่อน เมื่อสุกมีสีแดงเข้ม เมื่อตากแห้งแล้วผิวจะย่นมาก ลักษณะต้นค่อนข้างเตี้ย ใบหน้าใหญ่ มีสีเขียวอ่อน
๔. พันธุ์เจแปน มีลำต้นสูงโปร่ง ทรงพุ่มกว้าง ผลค่อนข้างจะใหญ่ ชี้ลงดิน ผลดีบมีสีเขียวอ่อน ผลสุกสีแดง เมื่อนำไปตากแห้งมีสีส้ม
๕. พันธุ์เคเยนลองสลิม Cayenne Long Slim) เป็นพันธุ์พริกสีฟ้าพันธุ์ หนึ่ง ผลอ่อนมีสีเขียวแก่ เมื่อผลแก่เปลี่ยนเป็นสีแดงจัด
๖. พันธุ์ฮังกาเรียน เยลโล่ แว๊ก ฮอท (Hangarian Yellow Wax Hot) เป็นพันธุ์พริกหยวก ลำต้นตั้งตรง ใบมีสีเขียวอ่อน เมื่อ ผลยังอ่อนมีสีเหลืองและเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเมื่อผลสุก
๗. พันธุ์เบลบอย ไฮบริด (Bell Boy Hybrid) เป็นพันธุ์พริกยักษ์มี ลักษณะลำต้นเป็นพุ่มขนาดประมาณ ๕๐-๖๐ เซนติเมตร ผลมีสีเขียวเข้มถึงสีแดงเนื้อหนา
๘. พันธุ์บูลสตาร์โฮบริด (Blue Star Hybrid) เป็นพันธุ์ยักษ์อีกเช่นกัน มี ต้นตั้งสูง ผลมีสีเขียวเข้ม เป็นผลขนาดใหญ่ มี ๓-๔ ลอน เนื้อหนาปานกลาง
วิธีการปลูกพริก
ดินที่เหมาะสมสำหรับ การปลูกพริก ได้แก่ดินร่วนปนทรายมีความอุดมสมบูรณ์ดี การระบายน้ำดี พริก ถ้าปลูกในฤดูฝนจะมีปัญหาว่าเป็นโรคเหี่ยว เนื่องจากเชื้อรา ควรปลูกพริกหมุนเวียนสลับกับข้าว ถั่ว และพืชอื่นๆด้วย
การปลูกพริก 3 วิธี ตามความเหมาะสม คือ
1. โดยวิธีการใช้เมล็ด พริก หยอดเมล็ดโดยตรงในหลุม หลุมละ 3-5 เมล็ด นิยมปลูกในแปลงขนาดใหญ่ และ ไม่มีแรงงานเพียงพอในการย้ายต้นกล้า ข้อเสียของการ ปลูกโดยวิธีนี้คือ ต้นพริก อ่อนแอ และแมลงอื่น ๆ กัดกินใบ ทำให้สิ้นเปลืองเมล็ดพันธุ์ และเสียเวลาในการปลูกซ่อม
2. เพาะเมล็ดพริก ให้งอกแล้วนำไปปลูกในหลุม กลบด้วยดินบาง ๆ วิธีเพาะคือ นำเมล็ดพันธุ์แช่น้ำ แล้วเอาผ้า ชุบน้ำหมาด ๆ ห่อ ทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน เมล็ดจะงอกแล้วนำไปปลูก
3. เพาะเมล็ดในแปลงเพาะก่อนการปลูกพริก เพาะกล้าใส่ปุ๋ย 15-15-15 ปริมาณ 100 กรัมต่อตารางเมตร คลุกดินลึกประมาณ 5-8 นิ้ว ใช้ฟูราดานในการเพาะ และเมื่อหว่านเมล็ดแล้วประมาณ 10 วัน เมล็ดเริ่มงอก ถ้ามีต้นหนาแน่น ให้ถอนแยกหลังจากที่ใบจริงคลี่เต็มที่แล้ว 2-3 วัน เมื่อกล้าอายุได้ 18 วัน รดด้วยปุ๋ยแอมโมเนียซัลเฟตละลายน้ำ อัตราส่วน 1 กรัมต่อ น้ำ 200 ซีซี. แล้วรดน้ำตามทันที การเพาะโดยวิธีเพาะโดยเมล็ดธรรมดาที่ยังไม่งอกวิธีนี้ควรคลุกยาป้องกันกำจัด เชื้อราที่อาจติดมากับเมล็ดก่อนนำเมล็ดไปเพาะได้แก่ ออไธไซด์ และในแปลงเพาะควรจะรดด้วยไดโฟลาแทน 80 หรือไดเทน เอ็ม 45 เพื่อป้องกันโรคเน่า
มื่อกล้าสูงประมาณ 6 นิ้ว จึงพร้อมจะย้ายปลูกได้ รวมอายุกล้าในแปลงเพาะสำหรับการเพาะโดยเมล็ดที่งอกแล้วประมาณ 30 วัน และเพาะโดยเมล็ดธรรมดาประมาณ 40 วัน
การดูแลต้นพริก
การดูแลต้นพริก เราควรที่จะรดน้ำเช้าเย็นอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงที่ต้นอ่อนและช่วงเวลาออกดอกในช่วยเวลาอื่นหรือฝนตกชุกก็งดให้น้ำได้ พริกเป็นพืชที่ทนแล้งได้ดี
การเก็บพริก
เมื่อเราปลูกพริกไปได้ประมาณ 2 เดือน ก็จะเริ่มมีผลผลิตให้เก็บกินได้ตามใจชอบได้แล้ว