โละพีเอครูสอนเยอะรู้มากรับวิทยฐานะ
“หมอธี”สั่งก.ค.ศ.เปลี่ยนเกณฑ์ประเมินขอมี-คงวิทยฐานะใหม่ ไม่เอาเกณฑ์พีเอ ดูครูจากความสามารถที่มีอยู่ว่าสอนเยอะแค่ไหน-พัฒนาตนเองอย่างไร-สะสมข้อมูลทางไอที ลั่น 3 เดือนเห็นวิธีการชัดเจน
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตนได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะและหลักเกณฑ์การบริหารงานบุคคลอื่น ให้แก่ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่าการประเมินวิทยฐานะแนวใหม่ จะยึดพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ดูความสามารถที่มีอยู่ในตัวคน ว่ามีความรู้ ประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน โดยดูจาก 2 อย่างคือ 1.การสอน ว่ามีปริมาณการสอนมากน้อยแค่ไหน ความยุ่งยากในการสอน เช่น สอนหลายวิชา สอนหลายชั้น หรือสอนเด็กจำนวนมาก เป็นต้น และ2.การพัฒนาตนเอง ที่สะท้อนถึงความสามารถ เช่น การพัฒนาที่โรงเรียน การอบรมตามหลักสูตรที่ได้รับการรับรอง ซึ่งในการพิจารณาจะดูแฟ้มสะสมผลงาน หรือ พอร์ตฟอลิโอ ที่ครูต้องเก็บหลักฐานการพัฒนาตนเองและการสอนใส่ไว้ โดยบันทึกลงในระบบไอที ในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์พอร์ตฟอลิโอ ดังนั้น จากนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตามนิยามใหม่ พร้อมทั้งจัดประชุมโฟกัสกรุ๊ปเพื่อรับฟังความคิดเห็นนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
“เรื่องนี้ถือเป็นการปฏิวัติระบบการประเมินวิทยฐานะ รวมถึงจะนำมาใช้กับการประเมินขอคงวิทยฐานะตามมาตรา 55 ของพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ด้วย และขอให้มั่นใจว่าการใช้กระดาษทำผลงานวิชาการไม่มีอีกแล้ว นอกจากนี้ จะมีการทบทวนในส่วนวิทยฐานะผู้บริหารการศึกษาด้วย โดยอาจจะออกกฎหมายใหม่ให้เป็นเงินประจำตำแหน่ง ซึ่งปัจจุบันผู้บริหารการศึกษาจะได้รับเงิน 2เด้ง คือ เงินประจำตำแหน่งและเงินวิทยฐานะ ซึ่งก็จะต้องมาทบทวนกันใหม่”นพ.ธีระเกียรติ กล่าวและว่า ทั้งนี้ มีข้อมูลที่น่าสนใจว่า ปัจจุบันรัฐจ่ายเงินวิทยฐานะปีละ 35,000 ล้านบาท จากครูทั้งหมดมีครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 10% ไม่มีวิทยฐานะ ครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) 30% ไม่มีวิทยฐานะและครูสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) 20% ไม่มีวิทยฐานะ เชื่อว่าหลักเกณฑ์ใหม่จะตอบแทนครูที่สอนทั้งมีปริมาณและมีคุณภาพได้อย่างเป็นธรรมมากขึ้น ไม่ใช่เน้นดูที่เอกสารผลงานวิชาการ อย่างไรก็ตาม การทำผลงานทางวิชาการยังคงเน้นอยู่ในวิทยฐานะเชี่ยวชาญและวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ
ด้าน ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัด ศธ.กล่าวว่า นโยบายของ รมว.ศึกษาธิการถือเป็นการเปลี่ยนนิยามใหม่ของการประเมินวิทยฐานะ เปลี่ยนแรงจูงใจให้ถูกทาง คือ ต้องมาสอนกับพัฒนาตนเองจึงจะได้วิทยฐานะ ซึ่งทำให้ครูอยากสอน อยากอยู่ห้องเรียน ไม่ใช่มุ่งใช้เวลาไปทำผลงานทางวิชาการ ทั้งนี้ ผลงานที่ใช้ประเมินอยู่ในขณะนี้เหมาะสำหรับใช้ในการให้ความดี ความชอบ ให้โบนัส แต่แบบใหม่จะดูว่าครูรู้มากน้อยแค่ไหน ส่วนร่าง หลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะ หรือ เลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและเชี่ยวชาญ ตามข้อตกลงในการพัฒนางาน หรือ พีเอ (Performance Agreement : PA) ที่สำนักงาน ก.ค.ศ.เสนอมาก็ถือว่าล้มไปเพราะไม่สอดคล้องกับนิยามใหม่… อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/education/552949