ชื่อเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิ
ผู้วิจัย นางนิตยา พรมกอง
โรงเรียน บัวใหญ่ ปีที่พิมพ์ 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 และจำนวนนักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3) เพื่อศึกษากระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะ และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/5 ที่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ 3 รหัสวิชา ค22101 ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 40 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติการ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ จำนวน 12 แผน 12 ชั่วโมง 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติการ ได้แก่ แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการสอนของผู้วิจัย แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน แบบบันทึกผลหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบย่อยท้ายวงจรปฏิบัติการ แบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก วงจรละ 10 ข้อ และแบบอัตนัย เพื่อวัดทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ จำนวน 2 ข้อ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ แบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก แบบอัตนัยเพื่อวัดทักษะการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ จำนวน 2 ข้อ รูปแบบวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการมีวงจรปฏิบัติการ 3 วงจร สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละและสรุปความเรียง
ผลการวิจัย พบว่า
- การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เป็นรูปแบบการสอนที่มีประสิทธิภาพ กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ได้เรียนรู้กระบวนการควบคู่ไปกับการปฏิบัติ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา 4 ขั้นตอน ในการแก้สถานการณ์ปัญหา ซึ่งมีขั้นตอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ขั้นทบทวนความรู้เดิม เป็นขั้นตอนการดึงความรู้เดิมของนักเรียน เพื่อใช้ในการเชื่องโยงกับความรู้ใหม่ โดยการใช้เทคนิคการถาม-ตอบ เพื่อกระตุ้นความคิดและความสนใจของนักเรียน 2. ขั้นแสวงหาความรู้ใหม่ นักเรียนจะแสวงหาข้อมูลความรู้ใหม่จากแหล่งข้อมูลหรือแหล่งความรู้ต่าง ๆ จากแบบฝึกทักษะที่ผู้วิจัยเตรียมให้ด้วยตนเองขั้นศึกษาและสร้างความเข้าใจข้อมูลและเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม เป็นขั้นตอนที่นักเรียนจะต้องทำความเข้าใจกับข้อมูลความรู้ใหม่ที่หามาได้โดยอาศัยการเชื่อมโยงกับความรู้เดิม และใช้กระบวนการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของโพลยาในการแก้สถานการณ์ปัญหา ซึ่งมี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นทำความเข้าใจปัญหา ขั้นการวางแผนแก้ปัญหา ขั้นดำเนินการตามแผน และขั้นตรวจสอบ สรุป อภิปรายผล 4. ขั้นการแลกเปลี่ยนความรู้เข้ากับกลุ่ม ขั้นตอนนี้นักเรียนจะอาศัยกลุ่มเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจที่นักเรียนสร้างขึ้น ได้แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดของตนเอง รวมทั้งนักเรียนจะได้ขยายความรู้ ความเข้าใจของตนให้กว้างขึ้น และใช้กระบวนการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของโพลยาในการแก้สถานการณ์ปัญหา ซึ่งมี 4 ขั้นตอน 5. ขั้นสรุปและจัดระเบียบความรู้ ขั้นตอนนี้นักเรียนจะจัดระเบียบความรู้ที่ได้รับทั้งหมด ทั้งที่ความรู้เดิมและความรู้ใหม่ จัดสิ่งที่เรียนให้เป็นระบบระเบียบ เพื่อช่วยให้นักเรียนจดจำสิ่งที่เรียนรู้ได้ง่าย รวมทั้งวิเคราะห์กระบวนการเรียนรู้ทั้งหมดที่เกิดขึ้น 6. ขั้นแสดงผลงานขั้นตอนนี้นักเรียนแต่ละกลุ่มจะได้แสดงผลงานที่ได้ทำมา โดยการนำเสนอหน้าชั้นเรียนหรือนำเสนอบนป้ายนิเทศหน้าชั้นเรียน ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ ขั้นตอนนี้จะส่งเสริมให้นักเรียนได้นำความรู้ความเข้าใจของตนไปประยุกต์ใช้ ฝึกฝน จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีคะแนนจากการทดสอบย่อยท้ายวงจรปฏิบัติการที่ 1, 2 และ 3 คิดเป็นร้อยละ 79.75, 81.75 และ 82.25 ตามลำดับ
- การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง ของนักเรียนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยร้อยละ 81.58 และจำนวนนักเรียนร้อยละ 82.50 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป
- การศึกษากระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง โดยใช้รูปแบบซิปปาร่วมกับแบบฝึกทักษะ โดยใช้แบบทดสอบย่อยท้ายวงจรปฏิบัติการ แบบอัตนัย วงจรละ 2 ข้อ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ แบบอัตนัย 2 ข้อ พบว่า ผลคะแนนจากการทดสอบย่อยท้ายวงจรปฏิบัติการที่ 1, 2 และ 3 คิดเป็นร้อยละ 79.50, 82.25 และ 82.75 ตามลำดับ และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์เฉลี่ยร้อยละ 82.00 และจำนวนนักเรียนร้อยละ 82.50 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป
- ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้รูปแบบซิปปา (CIPPA Model) ร่วมกับแบบฝึกทักษะที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมบัติของเลขยกกำลัง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับมากที่สุด ()